เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๒๖ ธ.ค. ๒๕๕๒

 

เทศน์เช้า วันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๒
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต. หนองกวาง อ. โพธาราม จ. ราชบุรี

 

มันยุ่ง มันยุ่งนิดหน่อย เขาพยายามจะบริการ จะมีโต๊ะเลื่อน จะมีอะไรนี่ ไม่ได้หรอก ! พระสบายไม่ได้ พระสบายแล้วมันนอนใจ จะมีคนมาบริการให้ความสะดวกเยอะมาก ไม่ได้ ! ถ้าให้โยมจัดสำรับให้มันก็ง่าย แต่มันก็ไปยุ่งตอนโยมจัดนั่นแหละ ถ้าโยมจัดสำรับนะกว่าจะจัดได้ เพราะพระฉันเสร็จแล้วกว่าจะเก็บล้าง มันเป็นพิธีกรรมหมด แล้วมันจะไม่ได้ภาวนาหรอก แต่ถ้าเป็นแบบนี้โยมก็ไม่เป็นภาระ พระก็ไม่เป็นภาระ

ชีวิตต้องการอาหาร ชีวิตจะอยู่ได้ต้องการอาหารให้ดำรงชีวิต เห็นไหม ฉะนั้นเวลาชีวิตมันเกิดขึ้นมาแล้ว คุณค่าของสิ่งที่มีชีวิตคือหัวใจ คือความรู้สึกอันนั้น เราเกิดมาพบพุทธศาสนา ศาสนาสอนที่คุณค่าของความรู้สึก คุณค่าของหัวใจ แต่คนเกิดมามันมีเวรมีกรรม มันเกิดมาลุ่มๆ ดอนๆ สูงๆ ต่ำๆ ตามแต่อำนาจวาสนา อำนาจวาสนาเกิดจากอะไร เกิดจากกรรม เกิดจากการกระทำ

สิ่งที่เราเกิดขึ้นมานี้เกิดขึ้นมาจากการกระทำ เราทำมาแล้วทั้งนั้นแหละ สิ่งที่เราทำมาแล้วมันให้ผลมาเป็นวิบาก สิ่งที่เป็นวิบากนี้ถึงเกิดมาเป็นมนุษย์ แล้วพบพระพุทธศาสนา ศาสนาสอนเข้ามาสู่ที่ใจนี้ ถ้าที่ใจนี้มันมีหลักมีเกณฑ์ของมันนะ ความดีและความชั่วเกิดบนใจ.. ความดีและความชั่วคือความคิด มันเกิดมาจากไหน มันเกิดมาจากหัวใจของสัตว์โลก แต่ความดีนี่ดีของใคร

แต่ถ้าเป็นความเคยชิน ความชั่วมันจะดึงใจนี้ไปตลอดเวลา แต่ถ้าเรายับยั้งมัน เห็นไหม เราต้องยับยั้งมัน เราต้องมีสติสัมปชัญญะ ความดีและความชั่วเกิดบนจุดเดียวกันคือเกิดบนหัวใจ แต่ศาสนา ศาสนธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าวางไว้เป็นสากล คือศีล สมาธิ ปัญญา

ศีลคือเครื่องหมายการไม่เบียดเบียนกัน ไม่เอารัดเอาเปรียบกัน ไม่โกหกมดเท็จกัน เราอยู่คู่ครองกัน อยู่ในกาเมสุมิจฉาจาร ไม่ดื่มน้ำเมาต่างๆ นี่คือหลักไง ศีลคือหลักปฏิบัติว่าเราจะไม่พ้นจากนี้ไป เห็นไหม ความดีและความชั่วเกิดบนจิต ความดีและความชั่วเกิดมาจากที่เดียวกัน ถ้ามันเกิดจากที่เดียวกัน ถ้าความพอใจมันก็เอาว่าความชั่วเป็นความดี แล้วว่าความดีความดีของใคร ความดีของโจรมหาโจร ความดีของมันก็คือการทำลายคนอื่น แต่ถ้าความดีของเราเราไม่ทำลายคนอื่นนะ เราไม่ทำลายแม้แต่ความรู้สึกของเราเลย

ความรู้สึกของเรา เราต้องถนอมรักษามันขึ้นมา มันจะเข้าไปถึงตัวต้นเหตุ.. ดีและชั่วมาจากจิต ถ้าดีและชั่วมาจากจิตใครเป็นคนบัญญัติล่ะ ใครเป็นคนนิยามว่าอะไรดีอะไรชั่ว ความดีความชั่วถ้ามันนิยามก็นิยามมาจากความพอใจของตัวเองทั้งนั้นแหละ ถึงต้องมีศีลมาบังคับว่าถ้าความดีความชั่ว อะไรมันดีอะไรมันชั่ว แล้วอะไรมันชั่วต้องทำสิ่งที่ดี ถ้าทำสิ่งที่ดี เห็นไหม มันจะมีกำลังของมัน

เวลาเราเกิดขึ้นมาเกิดมาจากครอบครัวเดียวกันนะ เห็นไหม เวลาคนเกิดมาจากพ่อแม่ แล้วจิตมันเกิดมาจากอะไรล่ะ.. จิตมันเกิดมาจากจิตปฏิสนธิจิต เกิดในไข่ถึงมาเกิดเป็นเรา แล้วตัวจิตมันมีอะไรเป็นอาหารของมันล่ะ เวลาอาหารของเรา เห็นไหม อาหารของเราคือคำข้าว นี่ปัจจัยเครื่องอาศัย ปัจจัย ๔ การดำรงชีวิตต้องมีปัจจัย ๔ ถ้าไม่มีปัจจัย ๔ จะมีชีวิตอยู่ไม่ได้นะ ขาดไม่ได้

เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเข้าใจมีอนาคตังสญาณ รู้หมดว่าชีวิตต้องการอะไร แล้ว กิเลสมันต้องการสิ่งใด ธรรมะมันต้องการสิ่งใด ถึงเวลาบัญญัติขึ้นมา เวลาพระบวชขึ้นมา นี่ปัจจัย ๔ บาตรคืออาหารก็บิณฑบาตเอา เครื่องนุ่งห่มก็ไตรจีวร ที่อยู่อาศัยคือโคนร่มไม้ ฉันยาด้วยน้ำดองมูตรเน่า นี่ปัจจัย ๔

ปัจจัย ๔ นี้ขาดไม่ได้ แม้แต่พระบวชขึ้นมาว่าพระเป็นผู้ที่ละกิเลส พระเป็นผู้ที่จะพ้นจากกิเลส พระเป็นผู้ที่พยายามต่อสู้กับกิเลส มันก็ต้องมีปัจจัยเครื่องอาศัยทั้งนั้นแหละเพราะมันเป็นเรื่องของชีวิต ชีวิตเราเกิดมาเป็นคนแล้วคนทั่วไหม คนเข้าใจไหม ถ้าคนเข้าใจไหม คนเข้าใจเข้ามาถึงตัวเรา เห็นไหม ฉะนั้นมันต้องตื่นตัวตลอดเวลาไง

การตื่นตัวตลอดเวลาต้องมีสติสัมปชัญญะเพื่อจะยับยั้งจิต ยับยั้งความคิดเราให้ได้.. เพราะความคิดมันเกิดจากจิต ถ้ายับยั้งความคิดได้ ความคิดไม่มีมันก็เหลือแต่ตัวจิตล้วนๆ ไง แต่นี้ไปอาศัยความคิดกันนะ ดูจิตๆ ก็ไปดูความคิด

คำว่าดูจิตคือตัวจิต แต่ดูจิตใครเป็นคนดูล่ะ มันก็ดูที่ความคิด มันไม่ใช่อาหารของใจ มันเป็นสัญญาอารมณ์ มันเป็นสัญชาตญาณของมนุษย์ มนุษย์มีสภาวะแบบนี้ แล้วมีสภาวะแบบนี้ เห็นไหม นึกให้ว่าง คิดให้ว่าง ปล่อยวางให้ว่าง แล้วมันปล่อยวางจริงหรือเปล่าล่ะ มันปล่อยวางแล้วมันเหลืออะไรมาล่ะ แล้วตัวจิตมันอยู่ที่ไหน ดีและชั่วมันเกิดจากจิต แต่ไปดูที่ดีและชั่ว ไปดูที่สัญญาอารมณ์ อันนั้นไม่ดี อันนี้ดี ไปดูที่นั่น พอมันปล่อยมาว่าว่างๆ ว่างๆ มันว่างที่ไหน แม้แต่จิตมันยังมีการเกิดการตายในวัฏฏะ มันมีที่มาที่ไปของมัน

ฐีติจิต ! อวิชชาเกิดบนฐีติจิต อวิชชาคือความไม่รู้ ความรู้และความไม่รู้มันเกิดบนอะไร สิ่งอะไรรองรับความรู้และความไม่รู้อันนั้น แล้วถ้าความรู้อันนั้น วิชา ! วิชาจรณสัมปันโน วิชาคือสัจธรรม วิชาธรรม เห็นไหม ธรรมะสัจจะ แล้วมันจะเข้าไปสู่ตัวมันได้อย่างไร

นี่ตัววิชชา.. อาโลโก อุทะปาทิ ญาณัง อุทะปาทิ วิชชา อุทะปาทิ สิ่งที่ธรรมจักรที่มันเกิดขึ้นมา ถ้าวิชาอย่างนี้มันเกิด มันเกิดขึ้นมาจากไหน เราไปศึกษาเล่าเรียนกันมาทางวิชาการมานี่ เราเรียนมาเป็นทฤษฏี เป็นวิชาชีพของเรา เราเรียนมาแล้วมันใช้ประโยชน์ได้ไหม เวลาเราไปทำงานขึ้นมามันยังมีเทคนิคของมัน มันยังมีวิธีการของมันที่จะทำงานให้ประสบความสำเร็จออกไปอีก เห็นไหม

นี้ธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามรรค ๘ ! มรรค ๘ ! มรรค ๘ ! ทางเอก ! ทางเอก ! ทางเอกนั้นคือถนนเหรอ ถนนหนทางนี้เขาเอาไว้ให้รถเดิน แต่ความเดินของจิตที่มันจะเข้าไปสู่ใจของมัน มันเอาอะไรเป็นตัวเดิน.. อารมณ์ความรู้สึก เห็นไหม ดูสิ ตัวจิตมันชนไปหมดเลย มันชนอะไรบ้างล่ะ มันชนมันปะทะกับอารมณ์ความรู้สึก มันปะทะกับสิ่งที่เราพอใจและไม่พอใจ แล้วสิ่งที่ปะทะมันมาจากไหน พลังงานนี้มันมาจากไหน สิ่งนี้เกิดขึ้นมาจากไหน

ถ้าเราตื่นตัวตลอดเวลา เราจะไม่นอนจมอยู่กับมัน.. ดินพอกหางหมู ถ้าเราชินชาหน้าด้าน ฟังเทศน์ทุกวันแต่ใจมันด้าน เวลาเข้าหูขวาทะลุหูซ้ายมันไม่สะเทือนหัวใจเลย ถ้ามันสะเทือนหัวใจมันต้องมีความรู้สึกตัวสิ ความเปลี่ยนแปลง การกระทำของเรานี่ไม่ชินชากับมันไง

การชินชา นี่ชินชากับกิเลส ครูบาอาจารย์ท่านถึงให้ตื่นตัวตลอดเวลา อย่าไปนอนจมอยู่กับมัน อย่าไปนอนจมอยู่กับอารมณ์ความรู้สึก อย่าไปเสียดายมัน เราเสียดายความคิด อู้ฮู.. วันนี้คิดสิ่งนี้ได้ แหม.. มันเป็นปัญญานะ โอ้โฮ.. กอดมันไว้นะ มันเป็นอดีตไปแล้ว มันเป็นอนิจจัง

อาหารกินเมื่อวานนี้อร่อยไหม แล้ววันนี้จะกินอะไร แล้วพรุ่งนี้จะกินอะไร.. อารมณ์ ความรู้สึก ความคิดมันเกิดดับในหัวใจ มีสติปัญญากับมัน มันผ่านมาแล้วก็วางมัน แล้วมันจะเติบโตขึ้นมา เรากินอาหารมานี่เรากินทุกวันนะ แล้วเราขับถ่ายทิ้งไป เรากินอาหารเข้าไปทางปากแล้วเราก็ขับถ่ายทิ้งมันไป แล้วพลังงานที่มันเหลือในร่างกายของเรานี้เกิดมาอย่างไร

นี่ก็เหมือนกัน ปัญญาที่มันเกิดขึ้นมารอบหนึ่งมันเป็นอดีตไปแล้วขับถ่ายทิ้งมันไป อย่าไปนอนจมอยู่กับมัน อย่าไปนอนจมอยู่กับความคิด อะไรสัญญาอาวรณ์ที่ไปกอดมันไว้ เห็นไหม นี่มันเป็นอดีตไปแล้ว อนาคตยังไม่มา ปัจจุบันตั้งสติขึ้นมา

ดีและชั่วเกิดบนจิต ! ดีและชั่วเกิดบนจิต นี่ประพฤติปฏิบัติไป ถ้าเป็นมิจฉาทิฏฐิ ความเห็นผิดมันก็ทำให้เราตกนรกอเวจีไปนั่นล่ะ ปฏิบัติไปๆ ปฏิบัติไปไหน ดูสิ ปฏิบัติแล้วมันได้อะไรขึ้นมา ถ้าปฏิบัติขึ้นมา เห็นไหม นี่ปัจจัตตัง มันเกิดขึ้นมาจากใจนะ มันเป็นอตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ

อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน !

คำว่าตนเป็นที่พึ่งแห่งตนนี่นะ เราจะพึ่งไม่ได้หรอก เริ่มต้นมาจากเด็กน้อย จากลูกอ่อนเรา นี่เราต้องดูแลมัน พอเราโตขึ้นมามันทำหน้าที่การงานของมันได้ มันมีปัญญาของมันได้ มันจะพึ่งของมันได้ แล้วถ้ามันมีประสบการณ์ของมัน เห็นไหม นี่พูดถึงร่างกายของมนุษย์นะ แล้วหัวใจล่ะ หัวใจที่ไม่มีประสบการณ์สิ่งใดเลย เวลาศึกษาธรรมะขึ้นมาว่ารู้ๆ รู้ไปหมด มันรู้อะไร ?รู้ทฤษฏี แล้วทฤษฏีเป็นความจริงไหม ดูสิ แม้แต่นักกฎหมาย ตีความทางกฎหมายเขายังมีแง่มีมุมตีความกฎหมายกันไป ตะแบงกันไป

กฎหมายมีไว้ให้แก้ แต่สัจธรรมไม่ได้มีไว้ให้แก้นะ สัจธรรมมีไว้ให้เราประสบ สัจธรรมมีไว้ให้เราเผชิญหน้า สัจธรรมมีไว้ให้เราเผชิญต่อมัน.. เรากล้าเผชิญกับตัวเองไหม เรากล้าเผชิญกับความรู้สึกของเราไหม เราไปนอนจมอยู่กับมันทำไม ถ้าเรากล้าเผชิญกับความรู้สึกของเรา ความรู้สึกมันเกิดจากอะไร แล้วผ่านจากความรู้สึกเข้าไปแล้วมันเหลืออะไร เหลือพลังงาน แล้วพลังงานมันคืออะไร

นี่ตัวพลังงาน เห็นไหม ดีและชั่วมันเกิดตรงนี้ ! ดีและชั่วมันเกิดจากตัวพลังงานนี้ แล้วตัวพลังงานถ้ามันเป็นสัมมาสมาธิขึ้นมาแล้วมันจะออกรู้ได้อย่างไร มันออกรู้แล้วมันจะออกทำอะไร.. นี่สัจธรรมความจริง ศาสนานี้เป็นศาสนาแห่งสัจธรรม ศาสนาแห่งความจริงนะ เดี๋ยวนี้ลูบๆ คลำๆ กัน เอาแต่เล่นขายของกัน เด็กเล่นขายของมันก็เป็นนิยายธรรมะ มันไม่เป็นความจริงหรอก ! ถ้าความจริงไม่มี ปฏิบัติไปเถอะอีกร้อยชาติก็ไม่มีความจริง

ถ้าปฏิบัติถูกนะ เราทำความจริงของเราให้มันเกิดขึ้นมากับเรา ถ้ามันเกิดขึ้นมากับเรานะ นี่สันทิฏฐิโก เพราะอะไร นี่จิตอ่อนแอ จิตที่นอนจมอยู่กับมันๆ จะแข็งแรงขึ้นมา ถ้าคนนะแม้แต่อริยภูมินี่เป็นสัมมาสมาธิ จิตที่ตั้งมั่นขึ้นมา แล้วจิตที่ตั้งมั่นมันแหวกอารมณ์ความรู้สึก แหวกต่างๆ ในหัวใจ แล้วมันชำระล้างออกมา มันองอาจกล้าหาญแค่ไหน

มันมีความองอาจของมัน มันมีกำลังของมัน มันมีความรับรู้ของมัน นี่ไงอันนี้สำคัญมาก.. อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ตนจะเข้มแข็งขึ้นมา ตนจะเข้าใจได้หมด แล้วตนนี่มันจะหวั่นไหวไปกับสิ่งอะไรกับโลก ไม่ใช่เจ้าเล่ห์แสนงอน แล้วก็ไม่ใช่หลบๆ ซ่อนๆ พูดวันนี้พูดองอาจกล้าหาญ พูดวันนี้หลบเลี่ยงไป พูดไม่เป็นความจริง กลับไปกลับมา เห็นไหม

แต่ถ้าเป็นความจริง ความจริงคือความจริง ความจริงเทศน์ออกไปวันนี้ ตายไปแล้วก็ยังเป็นความจริงอยู่ มันไม่กลัวสิ่งใดเลยเพราะมันเป็นความจริง ! แล้วความจริงมันอยู่ที่ไหนล่ะ

เพชรนิลจินดามันยังผุกร่อนนะ หัวใจที่มันรู้สัจธรรมนะมันเป็นอกุปปธรรม อฐานะที่จะมีการเปลี่ยนแปลง มันรู้จริงเห็นจริงของมันอยู่อย่างนั้น ไม่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดไป แล้วสิ้นสุดแห่งทุกข์แล้วมันก็อยู่ของมันอย่างนั้นนะ.. นี่ไงนิพพานที่มันสิ้น นิพพานสิ่งที่ไม่เกิด ที่มันจบขบวนการ พลังงานอันนั้นได้ทำความสะอาดแล้ว

พลังงานอันนั้นคือตัวภวาสวะ คือตัวภพ คือตัวจิต ดีและชั่วเกิดจากพลังงานนั้น ดีและชั่วเกิดขึ้นมานะ ดีและชั่วคืออารมณ์ความรู้สึกเกิดจากพลังงานนั้น แล้วพลังงานนั้นเป็นพลังงานที่ดี พลังงานที่เป็นปัญญา เป็นมรรคญาณเข้าไป จนถึงที่สุดอวิชชาโดนวิชชาทำลายหมด อรหัตตมรรค อรหัตตผล มรรค ๔ ผล ๔ นิพพาน ๑ แล้วมันพ้นออกไปอย่างไร

นี่ถ้าเห็นมรรคเห็นผลในพุทธศาสนา การเป็นอยู่ของเราต้องตื่นตัว เห็นไหม ความเป็นอยู่เราต้องตื่นตัวตลอดเวลาเพื่อฝึกสติ มีสติสัมปชัญญะตลอด ถ้าเราตื่นตัวตลอดเวลาเราจะไม่นอนจมอยู่กับมัน เราจะดิ้นรน คนเห็นภัยในวัฏสงสารพยายามจะเอาเราพ้นออกไป ไม่ใช่ไปนอนจมอยู่กับมัน สะดวกสบายนอนจมมันก็หมูนั่นล่ะ มันจะนอนจมบนเขียงแล้วให้กิเลสมันเหยียบหัว เอวัง